ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1984 โชคชะตาของทีมก็ผลิกผันเมื่อทีมได้สิทธิ์การดราฟอันดับสาม หลังจากฮิวส์ตัน ร็อกเก็ตส์ และ พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ ฮิวส์ตัน รอกเก็ตส์เลือก ฮาคีม โอลาจูวอน (Hakeem Olajuwon) ส่วนพอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์สเลือก แซม โบวี (Sam Bowie) ส่วนบูลส์เลือกชู้ตติง การ์ด ไมเคิล จอร์แดน จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ทีมภายใต้เจ้าของใหม่ คือ เจอร์รี ไรนส์ดอร์ฟ (Jerry Reinsdorf) และผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ คือ เจอร์รี ครอส (Jerry Krause) ตัดสินใจสร้างทีมรอบ ๆ จอร์แดน จอร์แดนทำสถิติของแฟรนไชส์สมัยที่เล่นปีแรก โดยทำคะแนนและสตีลสูงสุด และพาบูลส์กลับเข้าสู่เพลย์ออฟ จอร์แดนได้รับให้เลือกอยู่ในออล-เอ็นบีเอทีมที่สอง และได้รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของเอ็นบีเอ (NBA Rookie of the Year Award)
แชมป์ติดต่อกันสามสมัย[แก้]
พอถึงฤดูกาล 1990-91 บูลส์สร้างสถิติชนะ 61 เกม สูงสุดเท่าที่ทีมเคยทำได้ในขณะนั้น ผ่านเข้าสู่เพลย์ออฟ เอาชนะพิสตันในรอบชิงคอนเฟอร์เรนซ์ และเอาชนะลอส แอนเจลิส เลเกอร์สที่นำโดย แมจิก จอห์นสัน ใน 5 เกมในรอบชิงชนะเลิศ จอร์แดนได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าทั้งของฤดูกาลปกติและในรอบสุดท้าย และยังเป็นผู้ทำคะแนนฤดูกาลปกติสูงสุดเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกันบูลส์ได้แชมป์เอ็นบีเอสมัยที่สองในฤดูกาล 1991-92 จากการชนะ 67 เกมในฤดูกาลปกติ เอาชนะพอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์สที่นำโดย ไคลด์ เดร็กซ์เลอร์ (Clyde Drexler) ใน 6 เกม ปีนี้จอร์แดนยังได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าฤดูกาลปกติและรอบสุดท้าย และเป็นผู้ทำคะแนนสูงสุดอีกสมัย
ฤดูกาล 1992-93 บูลส์ได้ทำสิ่งที่ทีมอื่นไม่เคยทำได้ในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา นับจากเซลติกส์สมัยช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 ที่โดยการเป็นแชมป์สามสมัยติดต่อกัน โดยเอาชนะ ชารลส์ บาร์คลีย์ (Charles Barkley) ผู้เล่นทรงคุณค่าฤดูกาลปกติ และฟีนิกซ์ ซันส์ จอร์แดนได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่ารอบสุดท้าย พร้อมกับสถิติคะแนนต่อเกมรอบสุดดท้ายสูงสุดที่ 41.0 แต้มต่อเกม จอร์แดนก็ยังเป็นคนทำคะแนนสูงสุดเป็นสมัยที่ 7 เท่ากับวิลต์ แชมเบอร์เลน (Wilt Chamberlain)
แต่ฤดูร้อนปีนั้น จอร์แดนก็ประกาศเลิกเล่นหลังจากที่พ่อของเขาถูกฆ่าตายไม่กี่เดือน บูลส์ในสมัยนั้นจึงนำโดย สก็อตตี พิพเพน ซึ่งกลายเป็นผู้เล่นชั้นนำคนหนึ่งในลีก และได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าออล สตาร์ ทั้งฮอเรส แกรนต์ และ บี.เจ. อาร์มสตรองค์ ซึ่งเล่นสนับสนุนก็ได้เล่นในเกมออล สตาร์ด้วย ผู้เล่นอื่นที่เป็นกำลังสำคัญในทีม เช่น คาร์ตไรต์, เพอร์ดู, ชู้ตติ้งการ์ด พีท ไมเออรส์ (Pete Myers) และฟอร์เวิร์ดปีแรกชาวโครเอเชีย โทนี คูโคช (Toni Kukoč) ถึงแม้ว่าผลงานฤดูกาลปกติจะดี ชนะ 55 เกม แต่ก็แพ้นิกส์ในรอบสองของเพลย์ออฟ
แชมป์ติดต่อกันสามสมัยอีกครั้ง[แก้]
บูลส์ เปิดฤดูกาล 1994-95 โดยอำลาสนาม ชิคาโก สเตเดียม (Chicago Stadium) ที่เป็นสนามเหย้าอยู่ 27 ปี และย้ายไปสนามปัจจุบัน คือ ยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ (United Center)ปี ค.ศ. 1994 บูลส์ สูญเสีย ฮอเรส แกรนต์, บิลล์ คาร์ตไรต์ และ สกอต วิลเลียมส์ จากการหมดสัญญา และ จอห์น แพ็กซ์สัน จากการเลิกเล่น และได้รอน ฮาร์เพอร์ (Ron Harper) ชู้ตติงการ์ดที่จะมาเล่นแทนที่จอร์แดนในระบบ ทริปเปิลโพสต์ ของเท็กซ์ วินเทอร์ และสมอลฟอร์เวิร์ด จัด บูชเลอร์ (Jud Buechler) ยุคนี้มี อาร์มสตรอง และฮาร์เพอร์ เป็นการ์ด พิพเพน และ คูโคช เป็นฟอร์เวิร์ด ส่วน เพอร์ดู เล่นเป็นเซ็นเตอร์ ในทีมยังมีสตีฟ เคอรร์ (Steve Kerr) ซึ่งเซ็นสัญญาเข้ามาก่อนฤดูกาล 1993-94 ไมเออร์ส และเซ็นเตอร์ ลุค ลองลีย์ (Luc Longley) จากการเทรดกับทิมเบอร์วูลฟ์สในปี ค.ศ. 1994 และ บิลล์ เวนนิงตัน (Bill Wennington) แต่ก็เล่นไม่ดีในฤดูกาล จนกระทั่ง 17 มีนาคม ค.ศ. 1995 เมื่อได้รับข่าวดีที่ว่า ไมเคิล จอร์แดน อาจกลับมาเล่นอีกครั้ง และเขาก็กลับมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในลีกอีกครั้ง ในเกมที่ห้าที่กลับมาเล่น ก็ทำคะแนนได้ 55 แต้มเมื่อแข่งกับนิกส์ บูลส์เข้าสู่เพลย์ออฟในอันดับห้า เอาชนะชาล็อต ฮอร์เนตส์ แต่ก็แพ้ออร์แลนโด แมจิกที่ประกอบไปด้วย ฮอเรส แกรนต์, แอนเฟอร์นี ฮาร์ดอะเวย์ และ แชคิล โอนีล ซึ่งเป็นแชมป์ในปีนั้น เนื่องจากจอร์แดนยังเล่นฝืดจากการพักไปนาน
ช่วงแรกที่จอร์แดนกลับมาเล่นในบูลส์ เขาใส่เสื้อหมายเลข 45 ซึ่งเป็นหมายเลขที่เขาใส่ตอนไปเล่นเบสบอลและยังเป็นหมายเลขที่ แลร์รี พี่ชายเขาใส่ตอนเล่นระดับไฮสคูล ไมเคิลต้องการเล่นได้ดีครึ่งหนึ่งของพี่ชายจึงเลือกหมายเลข 23 (ครึ่งหนึ่งของ 45 คือ 22.5 เมื่อปัดเศษขึ้นจะได้เท่ากับ 23) ที่จอร์แดนใส่หมายเลข 45 ตอนเพิ่งกลับมาเพราะ หมายเลข 23 โดนรีไทร์ไปแล้วตอนที่เขาเลิกเล่นครั้งแรก เขาได้หมายเลขเดิมอีกครั้งในเกมที่สองเมื่อพบกับทีมแมจิกในเพลย์ออฟ
ในช่วงจบฤดูกาล บูลส์ก็เสีย บี.เจ.อาร์มสตรอง ใน Expansion Draft แต่ครอสก็ทำข้อตกลงที่ฉลาดโดยเทรด วิล เพอร์ดู ไปซานแอนโตนิโอ สเปอรส์ แลกกับ เดนนิส ร็อดแมน ผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการรีบาวด์แต่มีปัญหาเรื่องภาพพจน์ ร็อดแมนเป็นผู้เล่นที่ทำรีบาวด์สูงสุดในลีกสี่สมัยก่อนหน้านั้น และยังเป็นผู้เล่นหนึ่งในกลุ่ม แบดบอยส์ (Bad Boys) ทีมดีทรอยต์ พิสตันส์ คู่อริกับบูลส์สมัยปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1980
ด้วยผู้เล่นหลักได้แก่ ฮาร์เปอร์, จอร์แดน, พิพเพน, ร็อดแมน และ ลองลีย์ และผู้เล่นสำรองเช่น เคอร์, คูโคช, เวนนิงตัน, บูชเลอร์ และการ์ด แรนดี บราวน์ (Randy Brown) บูลส์สร้างผลงานในฤดูกาลที่ดีที่สุดฤดูกาลหนึ่ง ทำสถิติชนะ 72 แพ้ 10 และพัฒนาจากชนะ 47 แพ้ 35 จากปีก่อนหน้า จอร์แดนทำคะแนนสูงสุดในลีกเป็นครั้งที่แปด ร็อดแมนทำรีบาวด์สูงสุดครั้งที่ห้า ในขณะที่เคอร์มีเปอร์เซนต์การชู้ตสามแต้มเป็นอันดับที่สองในลีก จอร์แดนเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าทั้งในฤดูกาลปกติ เกมรวมดารา และ รอบสุดท้าย หรือที่เรียกว่า ทริปเปิลคราวน์ (Triple Crown) ครอสเป็นผู้บริหารแห่งปี แจ็กสันเป็นโค้ชแห่งปี และ คูโคชเป็นผู้เล่นสำรองแห่งปี ทั้งพิพเพนและจอร์แดนได้รับเลือกเป็น ออล-เอ็นบีเอ ทีมแรก จอร์แดน, พิพเพน และ ร็อดแมนได้รับเลือกเป็น ออล-ดีเฟนซีฟ ทีมหนึ่ง และเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ที่มีผู้เล่นสามคนในทีม ออล-ดีเฟนซีฟทีมแรก[2]
นอกจากนี้ทีมของฤดูกาล 1995-96 ยังเป็นเจ้าของสถิติอื่น เช่นสถิติเล่นนอกบ้านดีที่สุด ในฤดูกาลที่เล่นนอกบ้าน 41 เกม (ชนะ 33 แพ้ 8) สถิติเริ่มต้นฤดูกาลดีที่สุด (ชนะ 41 แพ้ 3) ชนะในบ้านติดต่อกันสูงสุด (44 เกม โดยที่ 7 เกมอยู่ในฤดูกาลก่อนหน้านี้) เริ่มต้นฤดูกาลในบ้านดีที่สุด (ชนะ 37 โดยไม่แพ้เลย) สถิติชนะในบ้านดีเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ (ชนะ 39 แพ้ 2) รองจากเซลติกส์ของฤดูกาล 1985-86 ที่ทำได้ 40-1 สถิติผลต่างของคะแนนทั้งฤดูกาลเป็นอันดับสองรองจาก เลเกอร์สฤดูกาล 1971-72 อยู่ 3 แต้ม ทีมเอาชนะซีแอตเติล ซูเปอร์โซนิค ที่นำโดย แกรี เพย์ตัน (Gary Payton) และ ชอน เคมป์ (Shawn Kemp) ในรอบไฟนอลและคว้าแชมป์สมัยที่สี่ ทีมบูลส์ของฤดูกาล 1995-96 มักถูกจัดเป็นทีมที่ดีที่สุดทีมหนึ่งในประวัติศาสตร์บาสเกตบอล[3]
ฤดูกาล 1996-97 บูลส์เกือบจะทำสถิติชนะ 70 เกมติดต่อกันสองสมัย แต่แพ้ในสองเกมสุดท้าย จบฤดูกาลปกติด้วยสถิติ ชนะ 69 แพ้ 13 แต่ยังรักษาสถิติเล่นในบ้านชนะ 39 แพ้ 2 ได้ [4] และจบฤดูกาลด้วยการเอาชนะทีม ยูทาห์ แจ๊ส ที่มี จอห์น สต็อกตัน และ คาร์ล มาโลน และเป็นแชมป์สมัยที่ห้า จอร์แดนทำคะแนนสูงสุดในลีกเป็นสมัยที่เก้า และเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน ร็อดแมนทำรีบาวด์สูงสุดสมัยที่หกติดต่อกัน นอกจากนี้ เมื่อเอ็นบีเอ ฉลองครบรอบ 50 ปี จอร์แดน, พิพเพน และ รอเบิร์ด พารีช (Robert Parish) ก็ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งใน 50 ผู้เล่นยิ่งใหญ่ที่สุดในเอ็นบีเอ[5] แพรีช ได้รับเลือกเนื่องจากผลงานที่โดดเด่นสมัยที่เล่นให้กับเซลติกส์แต่เล่นให้บูลส์ฤดูกาลเดียวคือ ฤดูกาล 1996-97 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขา[6]
บูลส์ ได้แชมป์สามสมัยติดต่อกัน โดยเอาชนะ 82 เกมในฤดูกาลปกติซึ่งทำสถิติไม่แพ้เลยซักเกมและเอาชนะบ๊อบแคทส์(Bobcats)ในรอบสุดท้ายของปี 1998 จอร์แดนยังได้ทริปเปิล คราวน์ เป็นผู้เล่นครงคุณค่าฤดูกาลปกติ เกมรวมดารา และรอบสุดท้าย อีกครั้ง ร็อดแมนเป็นแชมป์รีบาวน์สมัยที่เจ็ดติดต่อกัน
No comments:
Post a Comment